เรื่องย่อครบทุกภาคของสไปเดอร์แมนดูแบบเรียลไทม์

Spider-Manกรกฎาคม 9, 2024
เรื่องย่อสไปเดอร์แมน

หากเอ่ยถึงภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่างสไปเดอร์แมน ฮีไร่ในใจของใครหลายๆ ซึ่งเป็นหนึ่งให้ซุปเปอร์ฮีโร่ในจักรวาลมาร์เวล เราเชื่อว่า Spider Man เป็นตัวละครที่ใครๆ ต่างนึกถึงเป็นอันดับต้นๆ ด้วยเอกลักษณ์ที่จดจำได้ง่ายหากเอ่ยถึงสไปเดอร์แมนที่ไรก็มักจะออ! ขึ้นในทันที แมงมุมร่างคนยักใยโหนตึกไปมา! ซึ่งบทบาทที่เขาได้รับไม่ใช่เพียงพระเอกที่เก่งในการต่อสู้เมื่อสวมชุดสไปเดอร์แมนแต่เขายังเป็นคนธรรมดาที่เริ่มต้นจากการทำความดีมาก่อน แม้ในชีวิตจริงเขาจะดูเป็นคนเรียบง่ายในสายตาคนอื่นๆ

แต่บอกได้เลยว่าเขาเป็นคนที่มีจิตใจที่ดีงามและมีความอดทนต่อโชคชะตาในชีวิตมากๆ แถมยังมีปัญหาในเรื่องของการเงินที่เขาต้องทำงานอย่างหนักเพราะต้องหาเงินเลี้ยงดูป้าเมย์ ญาติคนเดียวที่เขาเหลืออยู่ในตอนนี้!แต่เขาก็ยังได้ความรักครั้งสุดท้ายจากลุงเบนก่อนที่จะเสียชีวิตอีกด้วย ทำให้เขาได้เข้าใจชีวิตที่เหลืออยู่จึงไม่แปลกใจเลยที่ ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ จากหนัง Spider Man เป็นที่รักของทุกคนมาโดยตลอด แม้ในภาคต่อจะมีการปรับเปลี่ยนนักแสดงชาย และนางเอกก็ตามแต่ยอมรับเลยค่ะ ว่าผู้กำกับแต่ละภาคทำถึงใจได้แบบลงตัวเป็นที่สุด

ไม่ว่าจะเป็นฉากสุดอลังการหรือจะเป็นภาพกราฟิก สถานที่ถ่ายทำต่างๆ นับว่ามีความตื่นเต้นได้ทุกภาคเลยจริงๆ และโดยเฉพาะ Spider-Man: no way home หรือ Spider Man far from home รับรองเลยค่ะว่าสนุกครบทุกรสแต่หากคุณกำลังสงสัยว่าควรเริ่มดูจากภาคไหนก่อนดี? ให้ได้อารมณ์ฟินๆ อย่างต่อเนื่องโดยไม่สับสน ไปมา วันนี้เราได้รวบรวมไทม์ไลน์มาไห้แบบย่อรับรองเลยค่ะว่าอ่านแบบย่อนี่ละค่ะ จะทำให้คุณถึงขั้นอดใจไม่ไหวแน่นอนงั้นตามมาดูกันต่อได้เลยค่ะ

Time Line Spider-Man ตั้งแต่ภาคแรกจนถึงภาคล่าสุด

  1. Spider-Man (2002) นี่เป็นภาคแรกของจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมด โดยเรื่องราวเริ่มต้นมาจากปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ เด็กหนุ่มวัยรุ่นอยู่ในช่วงมัธยมปลาย เขาเป็นคนธรรมดาๆ คนหนึ่งที่มีเพื่อนไม่มากนักและไม่มีสังคมแถมยังเป็นคนที่ต้องดิ้นรนกับการใช้ชีวิตเพราะสถานะครอบครัวอยู่ในความลำบาก เขาได้ลุงกับป้าเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กๆ  แต่ชีวิตของเขาก็ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เพื่อเขาได้รับพลังงานพิเศษหลังจากถูกแมงมุมกัมมันตรังสีกัด และเขาได้พบความผิดปกติกับตัวเองว่าเขามีพลังพิเศษที่สามารถใช้ต่อสู้กับอาชญากรรมและเผชิญหน้ากับกรีนกอบลินได้อีกด้วย
  2. Spider-Man 2 (2004) เป็นภาคต่อที่สนุกและมีความท้าทายมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมเพราะ ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ต้องใช้ชีวิตส่วนตัวให้สมดุลกับหน้าที่ในฐานะซุปเปอร์ฮีโร่ และในภาคนี้เขายังได้พบกับตัวร้ายใหม่อย่าง ด็อกเตอร์ อ็อคโทพัส (ด็อกเตอร์ อ็อตโท ออคตาเวียส) นักวิทยาศาสตร์ที่กลายเป็นวายร้ายหลังจากการทดลองล้มเหลวซึ่งเป็นภาคที่เพิ่มความเข้มข้นในการต่อสู้ไปอีกค่ะ
  3. Spider-Man 3 (2007) ในภาคนี้ปีเตอร์ต้องต่อสู้กับศัตรูหลายตัว ทั้งแซนด์แมน (ฟลินต์ มาร์โก), วีนอม (เอ็ดดี้ บร็อค) และฮอบก็อบลิน (แฮร์รี ออสบอร์น) ซึ่งเป็นภาคที่เพิ่มความโหดแบบทวีคูณเพราะเขาต้องต่อสู้กับตัวเองด้วยนั่นเองซึ่งเป็นเรื่องที่ยาก เพราะเขามีความเกลียดชังที่อยู่ในใจและยังได้ชุดซิมบิโอตมาครอบงำทำให้เขาเกือบทำเรื่องที่โหดร้ายอีกด้วย
  4.  The Amazing Spider-Man (2012) ภาคนี้เป็นเนื้อเรื่องที่ทำให้เขาได้ไขข้อสงสัยเกี่ยวกับการหายตัวของพ่อแม่ของเขา เพราะเขาพยายามที่จะสืบหาความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น? แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ต้องพบกับศัตรูตัวใหม่ อย่าง เดอะ ลิซาร์ด (ดร. เคิร์ก คอนเนอร์ส) ซึ่งเป็นเพื่อนเก่าของพ่อเขา
  5. The Amazing Spider-Man 2 (2014)  ปีเตอร์ต้องเผชิญกับหลายศัตรู รวมถึงอิเลคโตร (แม็กซ์ ดิลลอน) และกรีนกอบลิน (แฮร์รี ออสบอร์น) ซึ่งเป็นการต่อสู้ที่ทำให้เขาเหน็ดเหนื่อยมากกว่าเดิมและเขายังต้องต่อสู้กับการแยกทางกับเกว็น สเตซี่อีกด้วย
  6. Spider-Man: Homecoming (2017) ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ในภาคนี้เขาต้องปรับตัวครั้งใหญ่เลยค่ะ เพราะเขาต้องปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต ในฐานะซุปเปอร์ฮีโร่ภายใต้การดูแลของโทนี่ สตาร์ค (ไอรอนแมน) และยังต้องรับมือกับ(เอเดรียน ทูมส์) อาชากรตัวร้ายที่ใช้เทคโนโลยีจากซากเครื่องของชาวเอเลี่ยนในการต่อสู้ครั้งนี้ด้วย
  7.  Spider-Man: Far From Home (2019) การสูญเสียโทนี่ สตาร์ค ทำให้ปีเตอร์ ต้องเผชิญหน้ากับมิสเตริโอ (เควนติน เบ็ค) คนเดียวเป็นตัวร้ายที่มีความสามารถในการใช้ภาพลวงตาเพื่อที่จะทำลายโลกซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่เขาไปทัศนศึกษาที่ยุโรปกับเพื่อนๆ
  8. Spider-Man: No Way Home (2021) เป็นภาคล่าสุดและเป็นภาคที่มีความสนุกไม่แพ้ภาคก่อนๆ เลยค่ะ เพราะปีเตอร์ในภาคนี้ตัวเขาเองต้องเผชิญกับความวุ่นวายที่เกิดจากการเปิดเผยตัวตนว่าเขาคือสไปเดอร์แมน เขากำลังหาทางให้ทุกๆ คนลืมเรื่องราวในครั้งนี้โดยขอความช่วยเหลือจากดร.สเตรนจ์ แต่ดร.สเตรนจ์ ก็ทำไม่สำเร็จจนเกิดความผิดพลาดครั้งใหญ่ทำให้เหล่าศัตรูหลายจักรวาลเข้ามาในโลกของเขาและเขาเองก็รับมือไม่ไหวปีเตอร์จึงต้องขอความร่วมมือกับสไปเดอร์แมนจากจักรวาลอื่นในการต่อสู้กับศัตรูในครั้งนี้
Spider Man

ข้อดี ภาคล่าสุด ของ Spider-Man: No Way Home (2021)

  1. การกลับมาของตัวละครเก่า เป็นภาคล่าสุดที่ได้รับความนิยมมากเลยค่ะ และการกลับมาของนักแสดงจากภาพยนตร์สไปเดอร์แมนเวอร์ชั่นก่อนหน้า ทั้ง Tobey Maguire และ Andrew Garfield ได้กลับมารับบทสไปเดอร์แมน และตัวร้ายอย่างกรีกอบลิน (Willem Dafoe), ด็อกเตอร์ อ็อคโทพัส (Alfred Molina) และอื่นๆ ซึ่งสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมเพราะการรวมตัวในครั้งนี้นั่นเองค่ะ
    1. การดำเนินเรื่องที่น่าติดตาม เพราะได้ผู้กำกับมากฝีมือและการเขียนบทที่มีคุณภาพ ทำให้ภาคนี้ได้รับความนิยมมากเป็นพิเศษยังคงได้รับความสนุกและน่าติดตามตลอดจนจบ และมีการผสมผสานฉากดราม่าและฉากแอ็คชั่นทำให้เพิ่มความน่าสนใจได้มากยิ่งขึ้น
    1. การพัฒนาตัวละคร ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ในภาคนี้มีการพัฒนาในหลายๆ ด้านที่แตกต่างจากภาคก่อนๆ อย่างเช่นความสูญเสียความยากลำบาก ส่งผลให้ผู้ชมได้เห็นตัวตนของปีเตอร์ ปาร์คเกอร์มากยิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ
    1. เอฟเฟกต์และฉากแอ็กชั่น ภาพยนต์สไปเดอร์แมนมีฉากแอ็กชั่นพิเศษทำให้ดูสมจริงในทุกฉากและได้รับความตื่นเต้นอย่างเต็มเม็ดเต็มเหนี่ยวรวมทั้งเสียงเอฟเฟคสุดอลังการที่ได้อรรถทุกการรับชมจริงๆ เลยค่ะ
    1. การเชื่อมโยงกับจักรวาลมาร์เวล ภาคนี้ส่งท้ายได้แบบดีแบบสุดๆ เลยค่ะ เพราะเป็นภาคที่มีการเชื่อมโยงเรื่องราวในจักรวาลมาร์เวลที่กว้างขึ้นด้วย ซึ่งทำให้แฟนๆ ได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างจากภาคก่อนๆ อีกด้วย

ข้อเสียของ ภาคล่าสุด ของ Spider-Man: No Way Home (2021)

  1. เนื้อเรื่องที่ซับซ้อนมากเกินไป สำหรับผู้ที่ไม่เคยดูภาพยนตร์สไปเดอร์แมนจะต้องมีความสับสนอย่างแน่นอนค่ะ เพราะการเชื่อมโยงของตัวละครในทุกๆ ภาคทำให้รู้สึกงุนงงกับเนื้อเรื่องได้ เพราะจักรวาลต่างๆ ทำให้เข้าใจเนื้อหาได้ยาก
  2. การจัดการเวลาของตัวละคร การกลับมาของตัวละครที่มากเกินไป ส่งผลให้ตัวละครมีเวลาจำกัดและบ้างตัวถ่ายทอดอารมณ์ไม่ได้อย่างเต็มที่นั่นเองค่ะ
  3. การใช้ตัวร้ายหลายตัว อาจจะมีความตื่นเต้นแต่ในเนื้อเรื่องบ้างครั้งอาจจะสังเกตความร้ายกาจที่ยากขึ้นเพราะต้องให้ความสำคัญกับตัวร้ายทุกตัว

มุมมองภาคอนาคตของสไปเดอร์แมนจะเป็นอย่างไรต่อ?

  • มีการคาดเดาว่าภาพยนตร์ภาคต่อไปของสไปเดอ์แมน จะออกฉายในปี 2024-2025 แต่ถึงอย่างไร! ยังก็ยังไม่มีการยืนยันที่แน่ชัดนะคะ เป็นเพียงแค่ข่าวลือ แต่เราเชื่อว่าในภาคอนาคตจะมีการเผชิญหน้ากับศัตรูใหม่ๆ และยังมีการพัฒนาความสัมพันธ์ของปีเตอร์กับเพื่อนๆ และคนใกล้ชิดอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการเชื่อมโยงจักรวาลที่เพิ่มขึ้นอย่างกว้างขวางอีกด้วย
  • ผู้กำกับในภาคอนาคตของสไปเดอร์แมน จากข่าวรายงานล่าสุดยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับผู้กำกับคนใหม่ ภาพยนตร์สไปเดอร์แมนภาคอนาคต มีเพียงการคาดเดาและข่าวลือเท่านั้น แต่ก็มีความน่าจะเป็นที่จะได้ผู้กำกับอย่าง Jon Watts มากำกับสไปเดอร์แมนในภาคอนาคต! เพราะเขาเป็นผู้กำกับที่ประสบความสำเร็จและเป็นที่รู้จักดีจากการกำกับ Spider-Man ทั้งสามภาคใน Marvel Cinematic Universe (MCU) คือ Spider-Man: Homecoming (2017), Spider-Man: Far From Home (2019) และ Spider-Man: No Way Home (2021) แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่เขาจะมีงานด้านอื่นเอาเป็นว่าต้องมาลุ้นกันอีกทีล่ะกันค่ะ

คำพูดยอดฮิตในภาพยนตร์สไปเดอร์แมนที่เป็นเทรนด์

ในภาพยนต์สไปเดอร์แมนมีคำพูดที่หลากหลายและกลายเป็นเทรนด์ยอดฮิต จนได้รับความนิยมจากแฟนๆ  ไม่ใช่แค่การทำตัวละครที่มีความทราบซึ้งแต่ยังมีการสะท้อนชีวิตและแนวคิดปรัชญาที่สำคัญอีกด้วยในเรื่องราวของภาพยนตร์เรื่องนี้และนี่คือคำพูดยอดฮิตบางประโยคที่กลายเป็นเทรนด์ค่ะ

  • “With great power comes great responsibility“(พลังอันยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง) เป็นคำพูดขอลุงเบน เป็นหนึ่งในประโยคที่ดังมากที่สุดในภาพยนตร์เป็นคำพูดที่ทำให้ปีเตอร์ ปาร์เตอร์ เข้มแข็งไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคต่างๆ  
  • “I’m Spider-Man”(ฉันคือสไปเดอร์แมน) นี่เป็นคำพูดที่ติดปากของ ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์นั่นเองค่ะ  ในสถานะที่เขาเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ที่ยิ่งใหญ่และต้องมีความรับผิดชอบที่ต้องต่อสู้ความชั่วร้ายเพื่อปกป้องโลกให้อยู่แบบสันติ
  • We are who we choose to be. Now, choose!” (เราเป็นในสิ่งที่เราเลือกจะเป็นตอนนี้เลือกซะ! )เป็นคำพูดของตัวร้ายอย่างกรีนกอบลิน (Green Goblin) ประโยคนี้แสดงให้เห็นถึงการตัดสินใจและการเลือกเส้นทางชีวิตของแต่ละคน
moeivสไปเดอร์แมน

บทสรุปเรียลไทม์สไปเดอร์แมน รับชมย้อนหลังผ่าน NETFLIX ได้ทุกเวลา!

ความสิ้นสุดยังไม่จบค่ะ! นี่พึ่งเริ่มต้นความท้าทายในภาคล่าสุดเพราะในเนื้อเรื่องนี้ได้ทิ้งปมต่างๆ ไว้ให้ติดตามต่อในภาคอนาคตสำหรับใครที่ยังสงสัยว่าจะดูภาคไหนก่อน? เลือกดูตามเรียลไทม์ที่เราแนะนำได้เลยค่ะสามารถรับชมผ่านสติ่งมิ่งออนไลน์อย่าง NETFLIX รับรองเลยว่าสนุกและได้รู้ทุกเรื่องแบบไม่งงอย่างแน่นอน การผจญครั้งใหม่กำลังมาถึงในเร็วๆ นี้ เราเชื่อว่าทุกคนจะได้รับชมแบบเต็มแม็กพร้อมความประทับใจที่มากกว่าภาคก่อน การเดินทางของปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ยังไม่สิ้นสุดลงง่ายๆ  จะมีอะไรเกิดขึ้นในจักรวาลสไปเดอร์แมนต่อไป? และการเลือกผู้กำกับในภาคอนาคตของสไปเดอร์แมนยังคงเป็นเรื่องที่ต้องรอติดตามข่าวสารเพิ่มเติมจาก Marvel และ Sony Pictures แม้จะมีข่าวลือออกมาบ้างแล้วก็ตาม

Categories