ไม่ว่าจะเป็นฉากสุดอลังการหรือจะเป็นภาพกราฟิก สถานที่ถ่ายทำต่างๆ นับว่ามีความตื่นเต้นได้ทุกภาคเลยจริงๆ และโดยเฉพาะ Spider-Man: no way home หรือ Spider Man far from home รับรองเลยค่ะว่าสนุกครบทุกรสแต่หากคุณกำลังสงสัยว่าควรเริ่มดูจากภาคไหนก่อนดี? ให้ได้อารมณ์ฟินๆ อย่างต่อเนื่องโดยไม่สับสน ไปมา วันนี้เราได้รวบรวมไทม์ไลน์มาไห้แบบย่อรับรองเลยค่ะว่าอ่านแบบย่อนี่ละค่ะ จะทำให้คุณถึงขั้นอดใจไม่ไหวแน่นอนงั้นตามมาดูกันต่อได้เลยค่ะ
Spider-Man: Far From Home (2019) การสูญเสียโทนี่ สตาร์ค ทำให้ปีเตอร์ ต้องเผชิญหน้ากับมิสเตริโอ (เควนติน เบ็ค) คนเดียวเป็นตัวร้ายที่มีความสามารถในการใช้ภาพลวงตาเพื่อที่จะทำลายโลกซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่เขาไปทัศนศึกษาที่ยุโรปกับเพื่อนๆ
Spider-Man: No Way Home (2021) เป็นภาคล่าสุดและเป็นภาคที่มีความสนุกไม่แพ้ภาคก่อนๆ เลยค่ะ เพราะปีเตอร์ในภาคนี้ตัวเขาเองต้องเผชิญกับความวุ่นวายที่เกิดจากการเปิดเผยตัวตนว่าเขาคือสไปเดอร์แมน เขากำลังหาทางให้ทุกๆ คนลืมเรื่องราวในครั้งนี้โดยขอความช่วยเหลือจากดร.สเตรนจ์ แต่ดร.สเตรนจ์ ก็ทำไม่สำเร็จจนเกิดความผิดพลาดครั้งใหญ่ทำให้เหล่าศัตรูหลายจักรวาลเข้ามาในโลกของเขาและเขาเองก็รับมือไม่ไหวปีเตอร์จึงต้องขอความร่วมมือกับสไปเดอร์แมนจากจักรวาลอื่นในการต่อสู้กับศัตรูในครั้งนี้
ข้อดี ภาคล่าสุด ของ Spider-Man: No Way Home (2021)
ผู้กำกับในภาคอนาคตของสไปเดอร์แมน จากข่าวรายงานล่าสุดยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับผู้กำกับคนใหม่ ภาพยนตร์สไปเดอร์แมนภาคอนาคต มีเพียงการคาดเดาและข่าวลือเท่านั้น แต่ก็มีความน่าจะเป็นที่จะได้ผู้กำกับอย่าง Jon Watts มากำกับสไปเดอร์แมนในภาคอนาคต! เพราะเขาเป็นผู้กำกับที่ประสบความสำเร็จและเป็นที่รู้จักดีจากการกำกับ Spider-Man ทั้งสามภาคใน Marvel Cinematic Universe (MCU) คือ Spider-Man: Homecoming (2017), Spider-Man: Far From Home (2019) และ Spider-Man: No Way Home (2021) แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่เขาจะมีงานด้านอื่นเอาเป็นว่าต้องมาลุ้นกันอีกทีล่ะกันค่ะ
“With great power comes great responsibility“(พลังอันยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง) เป็นคำพูดขอลุงเบน เป็นหนึ่งในประโยคที่ดังมากที่สุดในภาพยนตร์เป็นคำพูดที่ทำให้ปีเตอร์ ปาร์เตอร์ เข้มแข็งไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคต่างๆ
“We are who we choose to be. Now, choose!” (เราเป็นในสิ่งที่เราเลือกจะเป็นตอนนี้เลือกซะ! )เป็นคำพูดของตัวร้ายอย่างกรีนกอบลิน (Green Goblin) ประโยคนี้แสดงให้เห็นถึงการตัดสินใจและการเลือกเส้นทางชีวิตของแต่ละคน